เก้าอี้รถเข็นมีกี่แบบ และควรเลือกอย่างไร?

เก้าอี้รถเข็น (Wheelchair) เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น หรือผู้พิการ การเลือกเก้าอี้รถเข็นให้เหมาะสมช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกสบายมากขึ้น หากคุณกำลังมองหา เก้าอี้รถเข็นคุณภาพดีจากร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ ที่น่าเชื่อถือ บทความนี้จะช่วยให้คุณเลือกเก้าอี้ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ

เก้าอี้รถเข็นมีกี่แบบ?

1.เก้าอี้รถเข็นทั่วไป (Manual Wheelchair) เหมาะสำหรับ ผู้ที่สามารถใช้แขนหมุนล้อเอง หรือมีผู้ช่วยเข็น

ข้อดี ราคาถูก น้ำหนักเบา ดูแลรักษาง่าย

ข้อจำกัด ต้องใช้แรงแขนในการหมุนล้อ หรือมีคนช่วยเข็น

สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ที่มีเก้าอี้รถเข็นหลากหลายขนาดให้เลือก

2.เก้าอี้รถเข็นไฟฟ้า (Electric Wheelchair) เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีข้อจำกัดด้านแรงแขน หรือไม่สามารถใช้เก้าอี้ธรรมดาได้

ข้อดี ควบคุมง่ายด้วยจอยสติ๊ก ไม่ต้องใช้แรงแขน

ข้อจำกัด ราคาสูง น้ำหนักมาก ต้องชาร์จแบตเตอรี่

ข้อแนะนำเพิ่มเติม หากต้องการซื้อเก้าอี้รถเข็นไฟฟ้า ควรเลือกจากร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัย

วิธีเลือกเก้าอี้รถเข็นให้เหมาะกับผู้ใช้

1.เลือกตามความสามารถของผู้ใช้

ถ้าผู้ใช้สามารถใช้แขนหมุนล้อเอง ควรเลือก แบบล้อใหญ่

ถ้าต้องมีคนช่วยเข็น เลือกแบบล้อเล็ก

2.พิจารณาการใช้งานหลัก

ใช้ในบ้าน น้ำหนักเบา ล้อเล็ก

ใช้นอกบ้าน  ล้อใหญ่ ทนทาน

ใช้เดินทาง ควรพับได้ น้ำหนักเบา

3. ควรเลือกซื้อเก้าอี้รถเข็นจากร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ที่เชื่อถือได้ การเลือกซื้อเก้าอี้รถเข็นจากร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้อง เพราะช่วยให้มั่นใจได้ว่า อุปกรณ์มีคุณภาพดี แข็งแรง ทนทาน และปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ ร้านที่เชื่อถือได้มักจะมี การรับประกันสินค้า บริการหลังการขาย และให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้ลูกค้าเลือกเก้าอี้ที่เหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด หากคุณกำลังมองหา ร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ที่มีเก้าอี้รถเข็นหลากหลายแบบ และมีราคาย่อมเยา ร้านคลังยามีนบุรี คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด ที่พร้อมให้บริการคุณทั้งหน้าร้านและออนไลน์

เรียน line oa ฟรีสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้

การเรียน line oa ฟรี เป็นหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้เพื่อส่งเสริมธุรกิจหรืองานอื่นๆ ของตน Line OA เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการสื่อสารและการตลาดผ่าน Line แอปพลิเคชันแชทยอดนิยมในเอเชีย บทความนี้จะแนะนำถึงวิธีการเรียนรู้การใช้งาน Line OA ฟรี รวมทั้งข้อดีและฟีเจอร์ต่างๆ ที่คุณสามารถใช้ประโยชน์ได้เพื่อเสริมสร้างการติดต่อสื่อสารและการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าของคุณ

ทำความเข้าใจ Line Official Account (เรียน line oa ฟรี)

Line Official Account ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างการติดต่อโดยตรงกับลูกค้าผ่านแอปพลิเคชัน Line ได้ เหมาะสำหรับการส่งข้อความการตลาด, การแจ้งเตือน, หรือการสนับสนุนลูกค้า โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลากหลายที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีเรียนรู้การใช้ Line OA ฟรี (เรียน line oa ฟรี)

  • เข้าร่วมเว็บสัมมนาและเวิร์กชอปฟรี: มีหลายองค์กรและสถาบันที่เสนอเว็บสัมมนาหรือเวิร์กช็อปฟรีเกี่ยวกับการใช้งาน Line OA สำหรับผู้เริ่มต้น คุณสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานเหล่านี้ผ่านเว็บไซต์หรือหน้าโซเชียลมีเดียของผู้จัด
  • การศึกษาออนไลน์ผ่านคอร์สออนไลน์: มีคอร์สออนไลน์มากมายที่สอนการใช้ Line OA ซึ่งบางคอร์สเสนอให้ฟรี คุณสามารถค้นหาคอร์สเหล่านี้ผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์เช่น Udemy หรือ Coursera
  • ดูวิดีโออบรมบน YouTube: มีวิดีโออบรมมากมายบน YouTube ที่สามารถช่วยคุณเรียนรู้การใช้งาน Line OA ฟรี วิดีโอเหล่านี้อาจมาจากผู้ใช้ทั่วไปหรือจาก Line เอง
  • เอกสารและแหล่งข้อมูลจาก Line: Line เองก็มีแหล่งข้อมูลมากมายที่สามารถช่วยให้คุณเรียนรู้การใช้ Line OA รวมถึงคู่มือการใช้งาน คำถามที่พบบ่อย และฟอรัมสนับสนุน

ข้อดีของการใช้ Line Official Account

  • เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น: ด้วยฐานผู้ใช้ Line ที่ใหญ่ การใช้ Line OA ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นในเอเชีย
  • การสื่อสารที่รวดเร็วและสะดวก: ส่งข้อความและการตอบกลับลูกค้าได้ทันที ช่วยให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
  • ปรับแต่งการสื่อสารได้: คุณสามารถสร้างข้อความที่ปรับแต่งได้ตามกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งช่วยให้การตลาดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • วิเคราะห์ผลการตลาดได้: Line OA มีเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้คุณติดตามและวัดผลการตอบสนองจากลูกค้าได้

การเรียนรู้การใช้งาน Line Official Account ผ่านหลักสูตรเรียน line oa ฟรีเป็นวิธีที่คุ้มค่าในการขยายโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยการเข้าถึงแหล่งข้อมูลและการฝึกอบรมที่หลากหลาย คุณสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจของคุณ

ไขข้อสงสัยบ้านประเภททาวน์เฮ้าส์ และทาวน์โฮม ต่างกันยังไงบ้าง

            ย่านรามอินทรา ถือเป็นอีกหนึ่งย่านที่มีจุดเด่นหลายอย่างมากในกรุงเทพ ทั้งยังเป็นทำเลที่น่าอยู่อาศัย และน่าลงทุนเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สภาพแวดล้อม ล้วนดึงดูดให้น่าเข้ามาอยู่อาศัย เพราะด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เกิดขึ้นมากมาย มีทั้งบ้านเดี่ยว คอนโด หรือจะเป็นทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม รามอินทรา ซึ่งถ้าพูดถึงประเภทบ้านที่เป็นทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม เชื่อได้เลยว่ามีหลายคนคงเกิดความสงสัยกันไม่น้อย ถึงความแตกต่างของบ้านทั้งสองแบบนี้ เพราะมันมีความคล้ายคลึงกันมากจนทำให้หลายๆ คนแยกกันแทบไม่ออก ดังนั้นเพื่อไม่ให้ทุกคนเกิดความสับสนเราจะมาแยกถึงความแตกต่างของบ้านทั้งสองแบบนี้ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นตามนี้เลยค่ะ

บ้านประเภททาวน์เฮ้าส์ และทาวน์โฮม มีความแตกต่างกันยังไง

ทาวน์โฮม

ทาวน์โฮม จะมีการวางผังบ้านเหมือนบ้านเดี่ยว แต่ราคาไม่แพง เนื่องจากทาวน์โฮมมีผนังบ้านจะติดกับเพื่อนบ้านทั้ง 2 ฝั่งเหมือนกับทาวน์เฮ้าส์ แต่มีความสูงประมาณ 2-3 ชั้น และมีพื้นที่ด้านหน้าบ้านกว้างขวาง ประมาณ 5-5.7 เมตร ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า นอกจากนี้ ทาวน์โฮมยังมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างฟิตเนส หรือสระว่ายน้ำให้บริการอีกด้วย นี่จึงเป็นข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างทาวน์โฮมกับทาวน์เฮ้าส์

ทาวน์เฮ้าส์

บ้านที่เป็นทาวน์เฮ้าส์ จะมีลักษณะที่คล้ายกับทาวน์โฮมค่อนข้างมาก คือ ผนังบ้านจะติดกับเพื่อนบ้านทั้ง 2 ฝั่ง และจะมีจำนวนบ้านอยู่ติดกันตั้งแต่ 2 หลังขึ้นไป  แต่จะมีพื้นที่หน้าบ้านจะกว้างประมาณ 4-5 เมตรเท่านั้น และมีความสูงไม่เกิน 2 ชั้น อีกทั้งจะไม่มีพื้นที่ส่วนกลางคอยให้บริการ จึงทำให้ทาวน์เฮ้าส์มีราคาค่อนข้างต่ำกว่า

           เมื่อรู้ถึงความแตกต่างของบ้านที่เป็นทาวน์เฮ้าส์ และทาวน์โฮม แล้วอาจช่วยทำให้คุณหายข้องใจ และตัดสินใจเลือกซื้อทาวน์เฮ้าส์ และทาวน์โฮม รามอินทราได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความไม่ประมาทควรที่จะต้องศึกษา และหาข้อมูลให้ละเอียด ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ และต้องไม่ลืมที่จะคำนึงถึงการใช้ประโยชน์เป็นหลัก ทั้งพื้นที่การใช้สอย ความเหมาะสม รวมถึงข้อดีและข้อเสียของบ้านประเภทนั้นๆ ด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และคุ้มค่าแก่เจ้าของบ้าน และผู้อาศัยค่ะ

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคหัวใจอีกหนึ่งภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรละเลย

         

โรคหัวใจ คือโรคต่างๆ ที่เกิดกับหัวใจ ซึ่งส่งผลให้การทำงานของหัวใจผิดปกติไป โรคหัวใจมีหลายประเภท อย่าง โรคหลอดเลือดหัวใจ เกิดจากการที่หลอดเลือดที่เลี้ยงหัวใจถูกอุดตันหรือแคบลง ส่งผลให้หัวใจไม่ได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่เพียงพอ,โรคหัวใจวาย เกิดจากหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย,โรคลิ้นหัวใจ การทำงานของลิ้นหัวใจผิดปกติ เกิดจากการติดเชื้อ ความผิดปกติจากการกำเนิด หรือสภาวะอื่น ๆ ที่ทำให้ลิ้นหัวใจเกิดการรั่วหรือตีบ,โรคหัวใจผู้ป่วยเด็ก โรคหัวใจที่เกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิด ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโครงสร้างหัวใจที่ผิดปกติ,โรคหัวใจเสื่อม การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ ไม่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดหัวใจ อาจเกิดจากการอักเสบ การติดเชื้อ หรือสาเหตุอื่นๆ,โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ รูปแบบหนึ่งของการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติซึ่งเกิดขึ้นที่ห้องบนของหัวใจ เป็นต้น

สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคหัวใจ

  • มีภาวะหลอดเลือดแข็ง เป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดชั้นในหนาตัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการสะสมของตะกอนไขมัน คอเลสเตอรอล หรือแคลเซียม จนทำให้หลอดเลือดแดงแข็งหรือตีบตัน ส่งผลให้เลือดและออกซิเจนไม่เพียงพอสำหรับเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย
  • ความดันโลหิตสูง ทำให้หลอดเลือดและหัวใจต้องทำงานหนักเกินไป นำไปสู่การเสื่อมสภาพของหลอดเลือดและหัวใจ
  • การสูบบุหรี่ สารเคมีในบุหรี่สามารถทำลายหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือดนอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
  • โรคเบาหวาน โรคนี้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งสามารถทำลายหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจบางอย่างสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ถ้าคนในครอบครัวมีประวัติโรคหัวใจ คุณอาจมีความเสี่ยงที่สูงขึ้น
  • อาหารและการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง คอเลสเตอรอลสูง และอาหารที่ผ่านการแปรรูปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ในขณะที่การขาดการออกกำลังกายก็เป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน
  • ความเครียด ความเครียดระยะยาวสามารถส่งผลเสียต่อหัวใจโดยการเพิ่มความดันโลหิตและส่งผลต่อระบบหัวใจ

อาการเบื้องต้นของโรคหัวใจ

อาการของโรคหัวใจจะแตกต่างกันไปตามประเภทของโรคหัวใจและความรุนแรงของโรค

  • อาการเจ็บหน้าอก  ความรู้สึกเจ็บแน่นในหน้าอก ซึ่งมักเกิดจากการที่หัวใจขาดออกซิเจน
  • หายใจลำบากหรือหอบเหนื่อย การหายใจที่ไม่สะดวกหรือรู้สึกว่าต้องหายใจลึกๆ โดยเฉพาะเมื่อทำกิจกรรมหรือนอนราบ
  • อาการบวม ขา หรือบริเวณอื่นๆ บนร่างกายอาจบวมเนื่องจากระบบหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้ปกติ
  • ความเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง รู้สึกเหนื่อยมากโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน แม้กระทั่งหลังจากพักผ่อน
  • เวียนหัวหรือหน้ามืด บางครั้งอาจรู้สึกเวียนหัวหรือหน้ามืดขึ้นอย่างกะทันหัน เนื่องจากหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอ
  • หัวใจเต้นผิดปกติ  รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงผิดปกติ ตุ้บๆ หรือไม่สม่ำเสมอ
  • อาการเป็นลม อาจมีอาการเป็นลมหรือหมดสติชั่วขณะ
  • อาการอ่อนแรง มักเกิดขึ้นโดยเฉพาะในขา ทำให้การเคลื่อนไหวหรือการทำกิจกรรมต่างๆ ลำบากขึ้น

การรักษาโรคหัวใจในปัจจุบัน

การรักษาด้วยการใช้ยา 

  1. ยาลดความดันโลหิต เช่น ACE inhibitors, beta-blockers
  2. ยาลดคอเลสเตอรอล เช่น statins
  3. ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น aspirin, anticoagulants
  4. ยาขยายหลอดเลือด เช่น nitrates

การผ่าตัด  

ในกรณีที่โรคหัวใจรุนแรงใช้ยาไม่ได้ผล อาจต้องใช้วิธีการผ่าตัด

  1. การติดตั้งสเต็นท์ การใส่ส่วนเสริมเพื่อขยายหลอดเลือดหัวใจที่แคบ
  2. การผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ เป็นการสร้างเส้นทางใหม่เพื่อเลี่ยงส่วนที่อุดตันของหลอดเลือด
  3. การเปลี่ยนลิ้นหัวใจ สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับลิ้นหัวใจ
  4. การฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ สำหรับการควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ

การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสามารถช่วยควบคุมหรือป้องกันโรคหัวใจได้

  1. การหยุดสูบบุหรี่
  2. การควบคุมน้ำหนักและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล
  3. การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  4. การจัดการกับความเครียด

การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการักษา

  1. การใช้เซลล์บำบัด การวิจัยและการทดลองใช้เซลล์บำบัดเพื่อซ่อมแซมหรือแทนที่เนื้อเยื่อหัวใจที่เสียหาย เซลล์ต้นกำเนิดสามารถช่วยเร่งการซ่อมแซม และการสร้างเนื้อเยื่อหัวใจใหม่ได้
  2. เทคโนโลยีเช่นการถ่ายภาพด้วยคลื่นเสียงหัวใจสามมิติ และการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็ก ช่วยให้แพทย์สามารถดูโครงสร้างของหัวใจและการทำงานของมันได้อย่างละเอียด

              ทั้งนี้วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราห่างไกลจากโรคต่างๆ คือเราต้องดูแลตันเองให้ดีๆ ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ, ไม่เครียด, พักผ่อนให้เพียงพอม หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง หวานจัด เค็มจัด, งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์,ควบคุมน้ำตัวให้อยู่ในเกณฑ์ อย่าปล่อยให้อ้วน,อย่าขาดยารักษาโรคประจำตัว และที่สำคัญต้องหมั่นไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจดูสุขภาพโดยรวมของร่างกายหากเกิดความผิดปกติจะทำการรักษาได้ทันที เพราะโรคบางอย่างหากตรวจเจอเร็วและรักษาได้ไวก็มีโอกาสหายขาดสูง หรือไม่ก็ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ค่ะ

ครีมรักษาหลุมสิวตัวช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

 

สิวนอกจากจะสร้างความรำคาญใจให้เราแล้ว ยังทิ้งรอยเอาไว้บนผิวของเราให้เจ็บใจเล่นอีกต่างหาก โดยเฉพาะคนที่เป็นสิวค่อนข้างรุนแรง อย่างสิวอักเสบ หรือสิวหัวช้างเม็ดใหญ่ๆ เชื่อได้เลยว่าเมื่อสิวหายมันต้องทิ้งรอยดำ หรือรอยแดง และที่หนักมากก็ถึงขั้นเป็นรอยแผลเป็น หรือรอยขรุขระผิวหน้าไม่เรียบและหลุมสิวได้เลยทีเดียว นี่จึงทำให้ตัวช่วยอย่างครีมรักษาหลุมสิว มีความจำเป็นอย่างมาก

หลุมสิวนั้นเป็นปัญหากวนใจมาก ซึ่งสาเหตุมาจากการที่ปล่อยให้สิวอักเสบรุนแรงลุกลาม และกินพื้นที่ลงไปจนถึงเนื้อในของผิว เมื่อเนื้อในหายก็จะทำให้ผิวกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ และยิ่งใครที่อดใจไม่ได้พลาดเผลอไปบีบมันอย่างผิดวิธี ยิ่งจะทำให้สิวอุดตันธรรมดาๆ กลายเป็นสิวที่สร้างปัญหาใหญ่อย่างสิวอักเสบได้ และนี่ก็เป็นการกระตุ้นให้เกิดปัญหาสิวที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และพอสิวหายหลุมสิวเจ้าปัญหาก็ตามมานั่นเอง ว่ากันง่ายๆ ก็คือหลุมสิวที่พากันหาครีมรักษาหลุมสิว มาทากันอยู่นี่ ก็มักเกิดขึ้นจากฝีมือของตัวเองล้วนๆ นั่นเอง

การป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวจนต้องพึ่งตัวช่วยอย่าง ครีมรักษาหลุมสิว ที่ได้ผลที่สุดคือการดูแลรักษาตัวเอง ไม่ให้เกิดสิวอักเสบขึ้นบนใบหน้า ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก ดังนั้นเมื่อเป็นสิวอักเสบสาเหตุสำคัญที่ทำเกิดหลุมสิว สิ่งที่ต้องทำก็คือการรักษาให้ถูกวิธี ไม่ควรบีบสิวออกโดยพลการ รักษาให้สิวหายเร็วขึ้นโดยไม่ทิ้งร่องรอย และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวเป็นตัวช่วย ซึ่งมีครีมรักษาหลุมสิว ที่ช่วยในการรักษาและบรรเทาให้ผิวที่เกิดหลุมสิวตื้นขึ้นได้ นอกจากนั้นยังช่วยในการปกป้องและป้องกันการเกิดสิวใหม่ ช่วยในการละลายสิวอุดตัน ตัวการสำคัญที่นำไปสู่การเป็นสิวอักเสบ ช่วยลดรอยดำ รอยแดง และยังช่วยบำรุงดูแลผิว ให้มีสุขภาพดีขึ้นและปราศจากสิวได้